สถานการณ์วัคซีนต้านโควิด 19 ในประเทศไทย
โควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาเป็นโรคระบาดที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 แต่มีการระบาดตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ประเทศจีน ซึ่งระยะเวลาที่ยาวนานของการแพร่ระบาด ทำให้มีการหาตัวเลือกใหม่ ๆ ในการหยุดการกระจายของเชื้อนอกจากการป้องกันตัวเอง หลายบริษัทที่เกี่ยวข้องกับยาและการรักษาโรคจึงผลิตวัคซีนต้านโควิดขึ้น และมีการใช้งานจริงในหลายประเทศแล้วรวมถึงประเทศไทยด้วย

สถิติการใช้วัคซีนจากนานาชาติ
นานาประเทศมีการฉีดวัคซีนให้ประชากรภายในประเทศ เมื่อคิดตามสัดส่วนประชากรแล้วสามารถจัดลำดับวัคซีนที่ฉีดทั่วโลก 10 อันดับตามข้อมูลในเว็บไซต์ True ID ซึ่งเรียงตามลำดับจำนวนวัคซีนที่ฉีด ซึ่งหากคำนวณตามหนักประชากรด้วย บางประเทศอาจจะฉีดได้ในตัวเลขน้อย แต่เปอร์เซ็นประชากรที่ได้รับวัคซีนแล้วค่อนข้างสูง ได้ดังนี้
1 ประเทศจีน ได้รับวัคซีนประมาณ 332 ล้านคน คิดเป็น 11.9%
2 สหรัฐอเมริกา ได้รับวัคซีนประมาณ 263 ล้านคน คิดเป็น 41%
3 สหภาพยุโรป ได้รับวัคซีนประมาณ 179 ล้านคน คิดเป็น 20.2%
4 อินเดีย ได้รับวัคซีนประมาณ 175 ล้านคน คิดเป็น 6.4%
5 บราซิล ได้รับวัคซีนประมาณ 54 ล้านคน คิดเป็น 13%
6 สหราชอาณาจักร ได้รับวัคซีนประมาณ 53 ล้านคน คิดเป็น 40.2%
7 เยอรมัน ได้รับวัคซีนประมาณ 35 ล้านคน คิดเป็น 21.5%
8 ฝรั่งเศส ได้รับวัคซีนประมาณ 26 ล้านคน คิดเป็น 20.6%
9 ตุรกี ได้รับวัคซีนประมาณ 25 ล้านคน คิดเป็น 15.2%
10 อิตาลี ได้รับวัคซีนประมาณ 24 ล้านคน คิดเป็น 20.7%
ซึ่งประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 51 ได้รับวัคซีนประมาณ 1.8 ล้านคน คิดเป็น 1.4% แต่คาดว่าช่วงปลายปีตัวเลขน่าจะสูงขึ้น
สถิติการฉีดวัคซีนในอาเซียน
เมื่อเทียบจำนวนการฉีดวัคซีนกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนแล้วไทยอู่ลำดับที่ 6 จากจำนวน 10 ชาติอาเซียน ตามข้อมูลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ทางเว็บไซต์ Thai PBS ดังนี้
1 สิงคโปร์ ฉีดวัคซีนไปแล้ว 19.5% ของจำนวนประชากร
2 กัมพูชา ฉีดวัคซีนไปแล้ว 7.7% ของจำนวนประชากร
3 อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3.9% ของจำนวนประชากร
4 มาเลเซีย ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.5% ของจำนวนประชากร
5 ลาว ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.3% ของจำนวนประชากร
6 ไทย ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1.2% ของจำนวนประชากร
7 บรูไน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1.2% ของจำนวนประชากร
8 พม่า ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1% ของจำนวนประชากร
9 ฟิลิปปินส์ ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1% ของจำนวนประชากร
10 เวียดนาม ฉีดวัคซีนไปแล้ว 0.3% ของจำนวนประชากร
ทิศทางการฉีดวัคซีนน่าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปี โดยมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถฉีดได้หมดภายในสิ้นปี 2565 ท่ามกลางความไม่สบายใจของประชาชนที่มองว่าใช้เวลานานเกินไป แต่หากแนวโน้มการสั่งซื้อวัคซีนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดการลำดับการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ คนไทยอาจจะได้รับวัคซีนทั่วประเทศเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีน แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการทุกอย่างดังเดิม และตรวจโควิดที่บ้านเมื่อมีอาการต้องสงสัย เพื่อความปลอดภัย